พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เข้าสู่ระบบ
หน้าแรก
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ค้นหาข้อมูล
เข้าสู่ระบบ
จีรรและชานหมาก ...
จีรรและชานหมาก พอกครั่ง หลวงปู่เม้า พลวิริโย
จีวรและชานหมาก พอกครั่ง หลวงปู่เม้า พลวิริโย สร้างน้อย แจกคนใกล้ชิดและคนในพื้นที่
*********หลวงปู่เม้า พลวิริโย ท่านเป็นพระเถระที่มีอายุและพรรษาสูงที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย ท่านมีอายุ ๑๐๒ ปี และอยู่ในบวรพุทธศาสนาถึง ๘๗ พรรษา ท่านเป็นผู้สร้างความเจริญให้แก่ท้องถิ่นด้วยการสร้างโรงเรียน พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ สระน้ำ ในวัดต่างๆ ถึง ๖ วัด ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสเองถึง ๔ วัดในจังหวัดบุรีรัมย์ ท่านเป็นผู้มีวัตรปฏิบัติหมดจดงดงาม ไม่บกพร่องด่างพร้อยแต่ประการใดน่าศรัทธาเลื่อมใส ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน ท่านเป็นศุนย์รวมจิตใจของสาธุชนทั้งใกล้และไกลโดยทั่วกัน นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างตระกรุดโทนที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ในบรรดานักสะสมพระเครื่องและก็มีอิทธิปาฏิหารย์ปรากฏอยู่ในสมรภูมิอินโดจีนอย่างน่าตืนใจ กระทั่งท่าน จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ในสมันนั้น ยังไปนมัสการ ฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน เพราะทหารที่ได้รับตระกรุดจากท่านไปนั้นต่างแคล้วคลาดจากภัยตรายในสมรภูมิ ซึ่งมีแต่เสียงปืนและระเบิดอย่างน่าประหลาดใจทุกคน
หลวงปู่เม้า พลวิริโย นามเดิม เม้า สุราราช เกิดเมื่อวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๗ ปี ๒๔๑๗ เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ได้บรรชาเป็นเณร โดยมีพระอาจารย์นิล ชักชวนให้อุปสมบทเป็นเณร ณ วัดใหม่เรไรทอง ท่านได้ศึกษาอยู่จนอายุได้ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทเป็นพระอยู่ที่วัดใหม่เรไรทองเช่นกัน เมื่อท่านอุปสมบทได้ ๕ พรรษาก็ได้ร่วมกับญาติโยมในถิ่นนั้นช่วยกันสร้างสาลาการเปรียญจนสำเร็จ ๑ หลัง จากนั้นก็ก็ย้ายจากวัดใหม่เรไรทองไปอยู่วัดบ้านถนนหัก และได้ศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานอยู่กับพระอาจารย์เพียร ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่โด่งดังในยุคนั้น ระหว่างนั้นท่านก็ได้สร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากที่ท่านได้เรียนวิชาต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์เพียร จนหมดสิ้นแล้ว ท่านก็ได้เดินทางไปศึกษาวิชาอยู่กับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ ที่วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งขณะนั้นก็มีพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระร่วมศึกษาอยู่ด้วย ต่อมาท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็ยเจ้าอาวาสวัดบ้านตะโก ท่านก็ได้พัฒนาวัดตะโกจนเป็นวัดที่ทันสมัยและเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว โดยสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง และสระน้ำใว้ในวัดเพื่อความสะดวกของพระภิกษุสามเณรและญาติโยมโดยทั่วไป เมื่อท่านเห็นว่าวัดตะโกนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองดีแล้ว ท่านไม่ต้องการที่จะหาความสุขส่วนตัวอยู่ที่วัดนี้ ท่านจึงย้ายไปจากวัดบ้านตะโกไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดสังเวทวิริญาวาสและได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลัง พระอุโบสถ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลัง และยังแบ่งที่ดินในวัดให้สร้างโรงเรียนอีก ๔ ไร่ เพื่อที่จะใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตรกุลธิดาของญาติโยมในถิ่นนั้น หลังจากนั้นท่านจึงได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดบ้านหนองยายพิม ท่านก็ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยและความสุขส่วนตัว ท่านยังได้ทุ่มเทกำลังกายสร้างกุฏิ ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากนั้นท่านจึงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดหนองสี่เหลี่ยมในปัจจุบัน และท่านก็ได้เริ่มงานพัฒนาวัดสี่เหลี่ยมโดยการสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง แต่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เพราะขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง หลวงปู่เองก็มีอายุ ๑๐๐ ปีแล้ว จึงอยากให้พระอุโบสถหลังนี้เสร็จโดยเร็ว หลวงปู่จึงดำริที่จะสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อที่จะได้ให้ไว้เป็นเครื่องสักการะบูชายึดเหนี่ยวจิตใจ และคุ้มครองภัยตรายแก่บรรดาลูกศิษย์โดยทั่วกัน อีกทั้งจะได้นำทุนทรัพย์มาทำการบูรณะปฏิสังขรสร้างพระอุโบสถให้สำเร็จลุล่วงต่อไป
จะเห็นได้ว่าท่านเป็นพระเถระที่น่าเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง นอกจากท่านจะบริหารงานในวัดต่างๆ ให้เจริญรุ่งเรืองแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา นักก่อสร้างที่มีฝีมือไม่น้อย ใช่แต่เท่านั้นท่านยังเป็นพระเคร่งวิปัสสนากัมมัฏฐานที่เชี่ยวชาญในไสยเวทย์สูงยิ่งอีกรูปหนึ่ง โดยเฉพาะตระกรุดที่ท่านได้สร้างขึ้นในโอกาสต่างๆ เป็นที่นิยมนับถือของมหาชนทั่วไปและน้ำมนต์ก็เป็นสิ่งที่บรรดาลูกศิษย์ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อกันว่าถ้าได้อาบน้ำมนต์ของหลวงปู่แล้วจะทำมาค้าขึ้น มีโชคลาภและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และถ้าได้ดื่มน้ำมนต์ของหลวงปู่ติดต่อกันเจ็ดเสาร์จะไม่มีวันตายโหง โดยเฉพาะวิธีการเศกน้ำมนต์ของหลวงปู่ ท่านจะเศกน้ำมนต์เฉพาะวันเสาร์ ท่านจะเศกจนกระทั่งบาตรน้ำมนต์มีความเย็นมากจึงจะนำไปใช้ได้ จะเห็นได้ว่าพลังจิตของท่านนั้นนิ่งสงบและบริสุทธิ์จริงๆ
ผู้เข้าชม
1304 ครั้ง
ราคา
ขายแล้ว
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
tumlawyer
ชื่อร้าน
บารมีหลวงปู่เม้า
ร้านค้า
tumlawyer.99wat.com
โทรศัพท์
0874413720
ไอดีไลน์
tum_lawyer
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 008-8-46367-6
2. ธนาคารทหารไทย / 513-2-27866-3
เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อเป็น โฆสก
หนุมานหลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ย
หนุมานหลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ย
หนุมานหลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ย
หนุมานหลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ย
พระปรกใบมะขามหลวงปู่เม้า วัดสี
พระราหูกะลาแกะหลวงพ่อจืด ศิลป
พระปางปาฏิหาริย์ หลวงปู่สุข เน
เหรียญรุ่น 1 หลวงปู่เม้า วัดสี
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
ลงพระฟรี
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ลืมรหัสผ่าน
ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
aonsamui
ยุ้ย พลานุภาพ
เสน่ห์พระเครื่อง
someman
ว.ศิลป์สยาม
Lungchad
kumpha
แมวดำ99
sun99
พีพีพระสมเด็จ
เทพจิระ
ภูมิ IR
บี บุรีรัมย์
tplas
Popgomes
เอ็ม คงกะพัน
Beerchang พระเครื่อง
holypanyadvm
fuchoo18
ยอด วัดโพธิ์
Achi
nattapong939
termboon
น้ำตาลแดง
Spiderman
เนินพระ99
ชา วานิช
ชาวานิช
Poosuphan89
Nithiporn
ผู้เข้าชมขณะนี้ 838 คน
เพิ่มข้อมูล
จีรรและชานหมาก พอกครั่ง หลวงปู่เม้า พลวิริโย
ส่งข้อความ
ชื่อพระเครื่อง
จีรรและชานหมาก พอกครั่ง หลวงปู่เม้า พลวิริโย
รายละเอียด
จีวรและชานหมาก พอกครั่ง หลวงปู่เม้า พลวิริโย สร้างน้อย แจกคนใกล้ชิดและคนในพื้นที่
*********หลวงปู่เม้า พลวิริโย ท่านเป็นพระเถระที่มีอายุและพรรษาสูงที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย ท่านมีอายุ ๑๐๒ ปี และอยู่ในบวรพุทธศาสนาถึง ๘๗ พรรษา ท่านเป็นผู้สร้างความเจริญให้แก่ท้องถิ่นด้วยการสร้างโรงเรียน พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ สระน้ำ ในวัดต่างๆ ถึง ๖ วัด ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสเองถึง ๔ วัดในจังหวัดบุรีรัมย์ ท่านเป็นผู้มีวัตรปฏิบัติหมดจดงดงาม ไม่บกพร่องด่างพร้อยแต่ประการใดน่าศรัทธาเลื่อมใส ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน ท่านเป็นศุนย์รวมจิตใจของสาธุชนทั้งใกล้และไกลโดยทั่วกัน นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างตระกรุดโทนที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ในบรรดานักสะสมพระเครื่องและก็มีอิทธิปาฏิหารย์ปรากฏอยู่ในสมรภูมิอินโดจีนอย่างน่าตืนใจ กระทั่งท่าน จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ในสมันนั้น ยังไปนมัสการ ฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน เพราะทหารที่ได้รับตระกรุดจากท่านไปนั้นต่างแคล้วคลาดจากภัยตรายในสมรภูมิ ซึ่งมีแต่เสียงปืนและระเบิดอย่างน่าประหลาดใจทุกคน
หลวงปู่เม้า พลวิริโย นามเดิม เม้า สุราราช เกิดเมื่อวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๗ ปี ๒๔๑๗ เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ได้บรรชาเป็นเณร โดยมีพระอาจารย์นิล ชักชวนให้อุปสมบทเป็นเณร ณ วัดใหม่เรไรทอง ท่านได้ศึกษาอยู่จนอายุได้ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทเป็นพระอยู่ที่วัดใหม่เรไรทองเช่นกัน เมื่อท่านอุปสมบทได้ ๕ พรรษาก็ได้ร่วมกับญาติโยมในถิ่นนั้นช่วยกันสร้างสาลาการเปรียญจนสำเร็จ ๑ หลัง จากนั้นก็ก็ย้ายจากวัดใหม่เรไรทองไปอยู่วัดบ้านถนนหัก และได้ศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานอยู่กับพระอาจารย์เพียร ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่โด่งดังในยุคนั้น ระหว่างนั้นท่านก็ได้สร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากที่ท่านได้เรียนวิชาต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์เพียร จนหมดสิ้นแล้ว ท่านก็ได้เดินทางไปศึกษาวิชาอยู่กับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ ที่วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งขณะนั้นก็มีพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระร่วมศึกษาอยู่ด้วย ต่อมาท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็ยเจ้าอาวาสวัดบ้านตะโก ท่านก็ได้พัฒนาวัดตะโกจนเป็นวัดที่ทันสมัยและเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว โดยสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง และสระน้ำใว้ในวัดเพื่อความสะดวกของพระภิกษุสามเณรและญาติโยมโดยทั่วไป เมื่อท่านเห็นว่าวัดตะโกนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองดีแล้ว ท่านไม่ต้องการที่จะหาความสุขส่วนตัวอยู่ที่วัดนี้ ท่านจึงย้ายไปจากวัดบ้านตะโกไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดสังเวทวิริญาวาสและได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลัง พระอุโบสถ ๑ หลัง กุฏิ ๑ หลัง และยังแบ่งที่ดินในวัดให้สร้างโรงเรียนอีก ๔ ไร่ เพื่อที่จะใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตรกุลธิดาของญาติโยมในถิ่นนั้น หลังจากนั้นท่านจึงได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดบ้านหนองยายพิม ท่านก็ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยและความสุขส่วนตัว ท่านยังได้ทุ่มเทกำลังกายสร้างกุฏิ ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลังจนสำเร็จ หลังจากนั้นท่านจึงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดหนองสี่เหลี่ยมในปัจจุบัน และท่านก็ได้เริ่มงานพัฒนาวัดสี่เหลี่ยมโดยการสร้างพระอุโบสถ ๑ หลัง แต่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เพราะขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง หลวงปู่เองก็มีอายุ ๑๐๐ ปีแล้ว จึงอยากให้พระอุโบสถหลังนี้เสร็จโดยเร็ว หลวงปู่จึงดำริที่จะสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อที่จะได้ให้ไว้เป็นเครื่องสักการะบูชายึดเหนี่ยวจิตใจ และคุ้มครองภัยตรายแก่บรรดาลูกศิษย์โดยทั่วกัน อีกทั้งจะได้นำทุนทรัพย์มาทำการบูรณะปฏิสังขรสร้างพระอุโบสถให้สำเร็จลุล่วงต่อไป
จะเห็นได้ว่าท่านเป็นพระเถระที่น่าเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง นอกจากท่านจะบริหารงานในวัดต่างๆ ให้เจริญรุ่งเรืองแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา นักก่อสร้างที่มีฝีมือไม่น้อย ใช่แต่เท่านั้นท่านยังเป็นพระเคร่งวิปัสสนากัมมัฏฐานที่เชี่ยวชาญในไสยเวทย์สูงยิ่งอีกรูปหนึ่ง โดยเฉพาะตระกรุดที่ท่านได้สร้างขึ้นในโอกาสต่างๆ เป็นที่นิยมนับถือของมหาชนทั่วไปและน้ำมนต์ก็เป็นสิ่งที่บรรดาลูกศิษย์ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อกันว่าถ้าได้อาบน้ำมนต์ของหลวงปู่แล้วจะทำมาค้าขึ้น มีโชคลาภและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และถ้าได้ดื่มน้ำมนต์ของหลวงปู่ติดต่อกันเจ็ดเสาร์จะไม่มีวันตายโหง โดยเฉพาะวิธีการเศกน้ำมนต์ของหลวงปู่ ท่านจะเศกน้ำมนต์เฉพาะวันเสาร์ ท่านจะเศกจนกระทั่งบาตรน้ำมนต์มีความเย็นมากจึงจะนำไปใช้ได้ จะเห็นได้ว่าพลังจิตของท่านนั้นนิ่งสงบและบริสุทธิ์จริงๆ
ราคาปัจจุบัน
ขายแล้ว
จำนวนผู้เข้าชม
1305 ครั้ง
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
tumlawyer
ชื่อร้าน
บารมีหลวงปู่เม้า
URL
http://www.tumlawyer.99wat.com
เบอร์โทรศัพท์
0874413720
ID LINE
tum_lawyer
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
3. ธนาคารกสิกรไทย / 008-8-46367-6
4. ธนาคารทหารไทย / 513-2-27866-3
กำลังโหลดข้อมูล
หน้าแรกลงพระฟรี